วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2540
วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2540
2540-12-11 พุทธสถานฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช
๒๕๔๐ พุทธสถานฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง
พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย
ตั้งใจเดินตั้งใจจริงเพื่อคืนแดน ชีวิตหนึ่งแร้นแค้นไม่จบสิ้น
หาความจริงท่ามกลางเพชรเป็นอาจิณ ยามได้สิ้นกิเลสแล้วสบายตัว
เราคือ
พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยจื้อ แฝงกายกราบต่อหน้า
องค์มารดา แล้ว ถามหลานหลานทั้งหลายมีความสุขดีหรือเปล่า
นาวาธรรมความดีงามประดับประดา จงรักษาเสมอต้นปลายความงามใส
จิตพิสุทธิ์สว่างโชติช่วงไกล โพธิ์แผ่ใบคุ้มเวไนยให้ร่มเย็น
หรี่ตามองหลานย้อนมองตนเองเถิด ใจประเสริฐฟ้าและดินยังอยากเห็น
โลกลุ่มร้อน จิตใจสงบเย็น การลงแรงแม้เหนื่อยนักอย่าย่อท้อ
รู้จักพอรู้จักตนรู้จักน้อม ด้วยปัญญาที่แจ่มชัดเป็นขั้นตอน
ด้วยความจริงชีวิตคนไม่ยาวนาน ธรรมญาณอย่าได้เอาไปกดขี่
ธรรมชาติแห่งมนุษย์เป็นคนดี รับหนึ่งชี้จึงสามารถกลับคืนแดน
บำเพ็ญเอยหลานเอยเร่งซ่อมแซม บุปผาแย้มพริบตาร่วงไปไกลแสน
พระมหากรุณาธิคุณฟ้าต้องทดแทน ใจคือแก่นรู้นำพากุศลดี
ฮา ฮา หยุด
การมานั่งฟังวันนี้ได้เกิดจากการเสียสละของหลานๆ
ใช่หรือเปล่า (ใช่) สละเวลาได้ต้องรู้จักสละสิ่งอื่นได้เช่นเดียวกัน สละอะไร
มนุษย์มีสิ่งใดมากที่สุด ในขั้นตอนของชีวิตแต่ละขั้นตอนที่ผ่านมา ความมากขึ้นตามลำดับของอายุนั้นคือสิ่งใด เป็นสิ่งที่เราล้วนสะสมไว้เองใช่หรือไม่ จะมีผู้อื่นหาให้เราก็เปล่า แต่มนุษย์ก็มีมากๆ รวมๆกันเรียกว่ากิเลส
ในวันนี้มาพร้อมหน้ากันเท่านี้ ถือว่าเป็นคนที่ไม่มากไม่น้อย ตั้งแต่วันนี้ไปฝึกการเป็นอะไร (พุทธะ) ณ วันนี้มีสิ่งใดที่เหมือนพุทธะแล้วบ้าง
(ความดี,ความพยายาม,เสียสละ) พุทธะมีมากมายหลายพระองค์ด้วยคุณธรรมบางอย่างที่มากมายล้นพ้นจึงสำเร็จเป็นพุทธะได้ ถามหลานๆ ว่าเจ้ามีอะไรที่มากมายพอที่จะให้สิ่งนั้นผลักดันให้ตนเองเป็นพุทธะ
(มีจิตใจที่ดีงาม) ถ้าหากสิ่งนั้นไม่ได้มากก็ยังไม่พอที่จะให้หลานๆ สำเร็จเป็นพุทธะ
ใช่หรือไม่ การเป็นพุทธะแท้จริงไม่สำคัญอยู่ที่ว่ามากหรือน้อย แต่สำคัญอยู่ที่ว่ามีหรือไม่ ส่วนใหญ่นั้นมีแต่ด้วยเวลาอันสั้น ไม่มีด้วยเวลาอันยืดยาว ไม่สามารถประคองใจดวงนี้ไว้ได้ ทุกๆ คนเคยผ่านการประชุมธรรมมาแล้ว จิตใจอันนั้นแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แปรเปลี่ยนจนน่าตกใจ
ใช่หรือไม่ หลานๆ ไม่ได้ตกใจเลยกับจิตใจของตนเองที่แปรเปลี่ยนไป แต่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเบื้องฟ้าต่างหากที่เป็นผู้ตกใจ
ใช่หรือไม่ มิหนำซ้ำคนที่ไม่มีใจอยู่ดีๆ มีใจพุทธะก็ตกใจเช่นเดียวกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากลัวจะรักษาใจนี้ได้ไม่ยืดยาวไม่เนิ่นนาน
หลายคนที่นี่นอกจากเป็นนักธรรมอาวุโสแล้ว
อายุก็ยังมากด้วย คนอายุมากเขาบอกว่าเปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง กลัวไหมว่าตนเองจะไปถึงฝั่งแล้ว คนบำเพ็ญธรรมต้องกลัวตายหรือไม่ หากว่าตนเองมีกุศล ตนเองได้ทำตนเหมือนพุทธะ ความตายก็ไม่น่ากลัวใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าทุกๆ
วันยังผูกกรรมไว้กับเวไนยสัตว์ทั้งหลาย เพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย กลัวหรือไม่ว่าตนเองจะต้องไปชดใช้หนี้ เพราะฉะนั้นควรจะตัดเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดตั้งแต่วันนี้ใช่หรือเปล่า
(ใช่) เมื่อไม่เข้าใจถึงเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดว่าอยู่ที่ไหน จะไปแก้ที่ไหน
เมื่อไม่เข้าใจว่าเรานั้นอยู่ในวัฎสงสารได้อย่างไร แล้วเราจะจบสิ้นเหตุแห่งวัฎสงสารได้อย่างไร อยากจะจบสิ้นตัวเราก็สิ้นด้วย แต่สิ้นตรงนี้สิ้นอะไร
โดยทั่วๆ ไปมนุษย์ไม่สามารถรู้จักตนเองได้ เพียงแต่รู้จักว่าเรานั้นเกิดมา
เรานั้นต้องหา เรานั้นต้องตายไป จึงไม่สามารถจบสิ้นตนเองได้ รู้จักว่าเราต้องการ
แต่ไม่รู้จักคิดว่าเรานั้นจะหยุดต้องการ จิตใจของเรานั้นคิดแต่ว่าเราอยากได้อะไร
แต่ไม่คิดว่าเมื่อไหร่การที่เราจะหยุดความอยากได้ของเราใช่หรือเปล่า
ลองเอาความอยากได้ของเราทั้งหมดวางลง
เอาความขัดแย้งโต้แย้งของเราวางลง บางคนนั้นไม่ชอบที่จะถกเถียงกับผู้อื่น แต่ชอบที่จะถกเถียงกับตนเองไม่รู้จักจบสิ้น ใช่หรือไม่
(ใช่) เหตุแห่งวัฎสงสารก็คือกรรม กิเลสและความไม่ยอมสละทั้งหลาย จึงทำให้เรานั้นยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ถามหลานๆ ว่าทุกคนมีกรรมไหม ทุกคนมีกิเลสไหม (มี) หมดชาตินี้จะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้หรือไม่ หลายๆ คนมั่นใจว่าตนเองได้ หลายๆ คนมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ ความแตกต่างอยู่ที่ไหน คนที่เคยลงแรงมาก่อนค่อนข้างมั่นใจ คนที่ไม่เคยลงแรงเลยจึงยังไม่มั่นใจ ใช่หรือไม่
(ใช่) เพราะฉะนั้นเราต้องไปลงแรงบ้าง จึงจะรู้ว่าเรานั้นจะมั่นใจตนเองได้อย่างไร
หากว่าคนที่ตอบตนเองไม่ได้ให้เร่งหาคำตอบให้กับตนเองดีหรือไม่
มนุษย์มักจะลืมตัวในขณะที่ตนเองมีความสุขที่สุด มีความสุขได้สมหวังกินอิ่มนอนหลับ ในตอนนั้นเป็นตอนที่เราลืมความทุกข์ไปเลยใช่หรือไม่
(ใช่) มนุษย์มักจะคิดว่าความทุกข์เป็นสิ่งไม่ดี
แต่แท้ที่จริงแล้วความทุกข์ดีหรือไม่ดี
ในขณะที่เรากำลังทุกข์ใจอยู่นั้น
เราสามารถเห็นจิตใจตนเองที่กำลังโมโห
เห็นจิตใจตนเองกำลังผิดหวัง เห็นที่จะรู้จักแก้ไขสำนึกใช่หรือไม่
ถามว่าเช่นนี้แล้วความทุกข์ไม่ดีตรงไหน ในปัจจุบันด้วยเรื่องราวที่วุ่นวาย ด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่มารุมเร้าโลกใบนี้ มนุษย์นั้นจะไม่สามารถที่จะพบเจอความสุขที่สุดได้ น้อยคนนักที่จะประสบพบได้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วสามารถที่จะปลงใจได้หรือเปล่า
(ได้) เมื่อถึงเวลาที่เรากำลังผิดหวัง เมื่อถึงเวลาที่เราท้อแท้จะให้กำลังใจตนเองได้หรือเปล่า อย่าเข้าใจว่าการบำเพ็ญธรรมนั้นจะชักนำให้เราสุขสบาย แท้จริงแล้วการบำเพ็ญธรรมคือการฝึกฝน ขัดเกลา แก้ไข และปรับปรุง คือความทุกข์ที่จะเจอสุขได้บ้าง หรือกล่าวอีกทีก็คือความสุขท่ามกลางความทุกข์ หากว่าสงบใจไม่ลงแล้วก็จะไม่เจอความสุขเลย ใช่หรือไม่
(ใช่) หากจิตใจของเรายังใฝ่ปองทะยานอยากไม่จบสิ้น
คิดหวังว่าตัวเราจะเจอในสิ่งที่ดีที่งามทั้งๆ ที่จิตใจของเรานั้นไม่งดงามเลย จะได้รับไหม
น้ำใสนั้นย่อมคู่กับน้ำใส น้ำขุ่นย่อมคู่กับน้ำขุ่น ธรรมชาติก็ให้อย่างนั้นใช่หรือไม่ หากว่าตัวเราเป็นน้ำใส แต่ว่าเรานั้นทำตัวไปปนเปื้อนอยู่ในน้ำขุ่น น้ำใสนี้ก็กลายเป็นน้ำขุ่นได้ หากว่าตัวเราเป็นน้ำขุ่นตักไปใส่น้ำใส น้ำขุ่นเพียงเล็กน้อยอยู่รวมกับน้ำใส น้ำนี้ก็กลายเป็นน้ำใสได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ในการบำเพ็ญธรรมคนหมู่มากมีคนที่ขุ่นและใส แต่โดยทั่วๆ ไปนั้นคนที่อยู่ที่นี่ได้จะต้องมีความใสมากกว่าขุ่น เพราะฉะนั้นจงขจัดเศษที่อยู่ในจิตใจของเราออกไป เพื่อให้น้ำนี้กลับใสดังเดิม เพื่อให้ความจริงปรากฎว่าผู้บำเพ็ญธรรมทุกๆ
คนนั้นเป็นคนดีเหมือนกับที่ทุกๆ คนคาดหวังไว้ ทำได้ไหม (ทำได้)
เมื่อตัวของเราดี คนอื่นมองว่าดี ธรรมะนี้ก็เป็นธรรมะที่ดี ใช่หรือไม่ แต่หากว่าคนถือเพชร แต่ตัวดำใจก็ดำ เพชรนี้แม้จะส่องประกาย ก็ไม่มีใครอยากจะชม เพราะฉะนั้นทุกๆ คนที่มีตรัยรัตน์อยู่ในมือ ทุกๆ คนที่มีของวิเศษอยู่ในกายจงทำตัวของเรานั้นให้สะอาด อย่าคิดว่าการที่เราเกิดเป็นคน ใครๆ ก็ยอมให้เราหมด อยู่เหนือคนอื่นแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ดี ถามว่าดีหรือไม่ (ไม่ดี) เรานั้นลืมตัวจึงไม่สามารถเป็นคนดีได้ ยิ่งอยู่ในที่ๆ สบายเท่าไหร่ขอให้รู้ว่าเรานั้นจะยิ่งตื่นขึ้นยากเท่านั้นใช่หรือไม่
(ใช่) เหมือนกับมีเตียงที่สบายนอน อยากจะลุกขึ้นง่ายไหม แต่หากว่าอยู่บนกองฟาง บนเตียงไม้ ที่นอนหลับไม่สบายเลย
เราจะตื่นขึ้นได้เร็วไหม (เร็ว) เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีเวลาให้เรามานั่งชักช้า ให้มานั่งผัดวันประกันพรุ่งอีกแล้ว คนอื่นเตือนเรา เราเชื่อหรือเปล่า ถ้าหากว่าลูกหลานหรือคนที่อายุน้อยกว่ามาเตือนเรา เราเชื่อไหม
ต้องคิดหนักหรือไม่ก็โมโหก่อน
ความเติบโตหรือความชราอยู่ที่ไหน
เห็นว่าตัวเราผมขาวหงอกเฒ่าเเล้วใช่หรือไม่ ความชรานั้นอยู่ที่ใจไม่สู้ ร่างกายไม่แข็งแรง ความถือตนของเราที่ไม่ยอมวาง นั่นจึงเรียกว่าคนชรา แต่หากว่าใจของเรายังแกร่งมีความยึดมั่นตั้งใจ คนชราคนนี้ก็ไม่ผิดกับคนที่มีเรี่ยวแรงเหมือนสมัยสาวๆ
ใช่หรือไม่ กลัวแต่ว่าหลานๆ แก่ทั้งกายทั้งใจยากที่จะบอกได้ว่าคนใดกันแน่ที่ยังมีแรง การบำเพ็ญธรรมนั้นถึงแม้ว่าตัวเราจะชราแล้ว คนชรานั้นขอให้รู้จักที่จะสั่งสอนลูกหลานไม่ว่าชายหรือหญิงให้เป็นคนดีต่อไป ถึงแม้ว่าต่อไปไม้อันนี้จะไปถึงฝั่งแล้วก็ยังมีผู้บำเพ็ญสืบทอดให้ อย่าได้สายไปแล้วมาคิดนั่งเสียใจ ขอให้ชราแต่ว่าใจยังสู้ ใช่ไหม (ใช่) โรคภัยส่วนใหญ่นั้นวัยของเราต่างหากที่ไม่ยอมสู้เลย จึงไม่สามารถที่จะอยู่ค้ำฟ้าดินได้
เมื่อสักครู่ที่พูดไปถ้าหากว่าคนเขายอมลงให้กับเรา คนเขายอมพ่ายแพ้ให้กับเรา เราคิดว่าสิ่งนั้นน่าดีใจหรือว่าน่าเสียใจ สมมติว่าเรานั้นกำลังทะเลาะกับสามีหรือว่ากับภรรยา หากว่าภรรยาหรือสามียอมให้กับเรา เราดีใจไหม (ดีใจ) แต่จริงแล้วน่าจะดีใจหรือว่าเสียใจ น่าเสียใจที่เราทะเลาะกันจนเป็นเรื่อง น่าเสียใจที่มีคนตามใจเราอีกคราว เราจะอยู่บนกองสุขโดยที่ปล่อยเขาอยู่บนกองทุกข์ใช่หรือเปล่า เพราะฉะนั้นการทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องน่าเสียใจไหม เมื่อเขายอมให้กับเรา เราก็ชนะอีกหนึ่งหน ถ้าหากว่าเราชนะร้อยหน มีอยู่หนหนึ่งเราจะต้องพ่ายแพ้แล้วเราจะทำใจได้หรือเปล่า เราทำใจไม่ได้คิดมากไหม กลุ้มใจหรือเปล่า แล้วตอนนั้นเราจะต้องทุกข์เหมือนอยู่บนความชนะทั้งร้อยหนกลายเป็นความพ่ายแพ้ใช่หรือเปล่า
(ใช่) ไม่เท่ากับว่าเรานั้นยอมฝึกฝนที่จะชนะบ้าง
แพ้บ้าง แม้ว่าเราจะมีความทุกข์แต่ความสุขก็จะบังเกิดขึ้น
ใช่หรือเปล่า (ใช่) เราผู้เฒ่าจึงพูดไว้ว่า
มนุษย์ในสมัยนี้อยากจะมีความสุขที่สุดหรือหายากแล้ว ไม่แน่ว่าความสุขที่สุดที่เราเคยคาดหวังไว้
อาจจะกลายเป็นความทุกข์และรสขมในบั้นปลายก็ได้ใช่หรือเปล่า ทุกวันนี้จึงต้องปลงใจได้และทำใจได้ ใช่หรือไม่ หากว่าทำใจไม่ได้ใครจะช่วยเรา ในเมื่อตลอดมาก็ไม่เคยจะฟังใคร ใช่ไหม (ใช่) อย่าให้ตนเองนั้นเก่งโดยที่ไม่รู้จักความไม่เก่งเลย อย่าให้ตนเองนั้นกล้าโดยไม่รู้จักความกลัว อย่าให้ตนเองชนะโดยไม่รู้จักความพ่ายแพ้
อยู่ที่นี่หลายๆ คนเป็นคนยากจน เป็นคนไม่มีเงิน แต่ถามว่าความรวยที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ)
หากว่าคนรวยมีความทุกข์เช้ากลางวัน เย็น กลางคืนนอนไม่หลับเลยต้องการไหม (ไม่ต้องการ) หากว่าเป็นคนจนแต่ว่าไม่มีภาระเดือดร้อนเข้าประตูไหน
ออกบ้านไหนก็มีคนยอมรับนับถือดีกว่าหรือเปล่า
(ดีกว่า) ชีวิตนี้หากว่ายังอยากร่ำรวยอยู่บ้างจงรู้จักอดออม จงทำชีวิตให้ดีงาม พรุ่งนี้หนึ่งวันจงทำชีวิตให้ดีงาม หนึ่งวันต่อหนึ่งวันรู้จักสร้างกุศลและเป็นผู้บำเพ็ญธรรม จำใส่ใจไว้เสมอว่าเรานั้นเป็นผู้บำเพ็ญธรรม ไม่ใช่ว่าเรานั้นเป็นผู้บำเพ็ญธรรมแต่ทำตนไม่เหมือนเลย การปฏิบัตินั้นไม่ได้เลย เช่นนั้นหากบอกว่าเราบำเพ็ญได้ถูกต้องไหม มาคำนวณสรุปรวบยอดเอาตอนหลังว่าเราบำเพ็ญ ไม่ใช่เลย ไม่เหมือนผู้บำเพ็ญธรรมเลย จะแก้ก็สายแล้ว เสียใจก็ไม่ทันกาล
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมตตาให้เจ้าของสถานธรรมออกมาหน้าชั้น) เจ้าของสถานธรรมที่นี่มีอยู่กี่คน
อยากจะทานอะไรดี ทั้งซ้ายทั้งขวาก็ล้วนเป็นคนเรี่ยวแรงน้อยเหมือนกับเรา มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ยังมีเรี่ยวแรงอันดี การลงแรงจึงต้องลงแรงมากกว่าคนอื่น บางทีทั้งซ้ายทั้งขวาอาจจะแค่เอาใจช่วย เพราะฉะนั้นขอให้ทำให้ประจักษ์แก่ฟ้าดินนะ ขอให้พยายามให้เต็มที่ เมื่อมนุษย์พยายามเต็มที่ฟ้าจะคอยหนุนช่วย เมื่อฟ้าพยายามเต็มที่จึงขอให้มนุษย์นั้นหนุนช่วยด้วย งานฟ้าดินนั้นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ประจักษ์ไกลไปถึงสามโลก จึงขอให้ทุกๆ เวลา ทุกๆ นาทีเอาความเชื่อมั่น
เอาความศรัทธา เอาความตั้งใจไปช่วยคน
การบำเพ็ญธรรมด้วยกันนั้น ในชั้นเรียนนี้เรียกว่านักธรรมอาวุโส เพราะฉะนั้นจะต้องฝึกสิ่งใดบ้าง การบำเพ็ญธรรมต่อกันระหว่างเพื่อนและเพื่อน พี่และน้อง
ญาติและญาติ คนใกล้กับคนไกลต้องมีความจริงใจ
ใช่หรือเปล่า ทั้งกาย วาจา ใจต้องบริสุทธิ์ให้แก่กัน ยกตัวอย่างวาจา วาจาต่อกันนั้นต้องเป็นวาจาที่ไพเราะ
ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ใช่ว่าหาวาจาที่ไม่สมควรพูด ไม่เหมาะสมพูดมาให้แก่กันใช่หรือเปล่า
โดยเฉพาะผู้น้อยและผู้อาวุโสยิ่งไม่สมควรกล่าววาจาตามใจชอบใช่หรือไม่ การกล่าววาจาไพเราะรวมไปถึงมีมารยาทต่อกันด้วย มนุษย์นั้นยิ่งสนิทสนมยิ่งต้องรู้จักระวัง
เพราะความสนิทสนมนี่เองทำให้มารยาทที่มีต่อกันขาดสะบั้นลง จึงเป็นการยากที่จะรักษาไว้ ทางวาจาแล้วยังมีทางใจ วาจาพูดเกิดจากใจคิด เพราะฉะนั้นจึงต้องรู้จักคิดก่อนที่จะพูดด้วย อย่าให้บังเกิดขึ้นแม้กระทั่งเปลวไฟ สะเก็ดไฟเล็กๆที่ออกมาจากไฟ ไม่เช่นนั้นแล้วเปลวไฟนี้จะเผาผลาญตนให้เป็นจุล บางคนนั้นคิดไว้ไม่ได้พูดไม่ได้ทำ แต่เป็นการคิดร้ายให้โทษ โทษนี้จึงเป็นการให้โทษแก่ตนเองมากที่สุด ใช่หรือไม่
(ใช่)
การกระทำนั้นจะต้องเป็นการกระทำที่ดีงาม
ได้ผ่านปัญญาคิดไตร่ตรองออกมาแล้วจึงนำมาใช้ ไม่ใช่ว่าทุกๆ เรื่องราวทุกๆ การกระทำนั้นเราจะทำได้ถูกต้องเหมาะสม โดยที่ผู้อื่นนั้นไม่เหมาะสมเลย มนุษย์นั้นวางใจในตนเอง แต่กลับไม่วางใจในตัวผู้อื่น แม้ว่าจะให้คนๆ นั้นไปทำงานใดๆ ให้ แต่ตนเองนั้นไม่วางใจ ไม่จริงใจ จนถึงสุดท้ายแล้วเมื่อมีผลเสียตามมาทีหลัง ปลาเน่าตัวเดียวก็เน่าทั้งครอก ใช่หรือเปล่า
(ใช่) เมื่อให้โทษผู้อื่นจึงไม่วายจะย้อนมาสู่ตนเอง เพราะฉะนั้นความบริสุทธิ์จึงต้องเริ่มตั้งแต่ใจ การกระทำเรื่องราวจึงขจัดออกมาได้อย่างบริสุทธิ์
ใช่หรือไม่ อย่าให้ตัวเราเป็นต้นเหตุของความทะเลาะเบาะแว้ง ของเรื่องราวที่ไม่เป็นมงคล ไม่เช่นนั้นจะสำเร็จเป็นเทพองค์ไหนไม่ได้เลย ใช่หรือเปล่า
อันว่าคนนั้นมีทรัพย์สินด้วยการสะสม
ด้วยการสุจริตชอบ ด้วยการรู้จักอดออม เป็นเศรษฐีตลอดชีวิต ด้วยคุณงามที่เขาสร้างไว้ คนก็ยกย่องให้เขาเป็นเทพแห่งทรัพย์สมบัติ คนนั้นมีอายุมั่นขวัญยืนร่างกายสุขภาพแข็งแรง มีราศีผุดผ่อง
คนนั้นก็ยกย่องให้เป็นเทพอายุยืน ทั้งสององค์นั้นต้องเหมือนกันอยู่อย่างก็คือต้องมีความประพฤติที่ดีงามไม่เคยด่างพร้อย ถามหลานๆ ว่าถ้าหากหลานเป็นต้นเหตุของความทะเลาะเบาะแว้งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ภายภาคหน้าจะสำเร็จเป็นเทพหรือเป็นมาร จึงต้องคิดดูให้ดีๆ ว่าชีวิตนี้อย่าได้เป็นสาเหตุของความไม่มงคล ของความอัปมงคลทั้งหลายที่อยู่ในโลก ด้วยการที่กาย วาจา ใจของเรานั้นต้องไม่คิด ไม่ทำ
ไม่พูด
ในชาตินี้ในกัปกัลป์นี้ฟ้าดินให้โอกาสที่จะให้ชาวบ้านธรรมดาสามัญสำเร็จขึ้นไปเป็นพุทธะได้
จึงไม่เป็นการแปลกที่เราไม่มีราศีที่ดี ที่เราเกิดมาเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ขอเพียงว่าหลานๆนั้นรู้ซึ้งในชีวิตนี้โดยชอบ ดำเนินไปโดยชอบ ทำเหมือนดังที่พุทธะและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าไว้ ทำดังที่สัจธรรมนั้นกล่าวให้ทำ หลานๆ นั้นจะไม่พ้นนิพพานเลย แต่อย่าทำอย่างทีเล่นทีจริง เข้าใจไหม
ในเวลาที่เราเผลอเพียงนิดเดียว ในพริบตานั้นทำให้เราหลุดลงจากตะแกรง กลายเป็นคนไร้ค่า ไม่สามารถจะกลับคืนขึ้นเบื้องบนได้ เข้าใจไหม (เข้าใจ)
อันว่าต่อกันนั้นยังมีอีกมากมายที่พึงต้องทำ ได้แก่อะไรบ้าง ความมีเมตตาต่อกัน ความเข้าใจกัน
ความเห็นใจกัน เตือนหลานๆ การศึกษาธรรมนั้นจะต้องทำอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ก็จงเสียสละแรง เสียสละเวลามาให้เต็มที่ อย่าให้คนอื่นต้องคอยเรียกคอยจูง ไม่เช่นนั้นกุศลที่เราควรจะได้รับก็จะโดนลบโดนหารไปเสียสิ้น
เหมือนกับถังน้ำที่รั่ว
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจกผลไม้ให้ทุกคนในชั้น) ความสำคัญของตรัยรัตน์ที่รับไปจะต้องให้ความสำคัญให้มากๆ
ต้องจดจำให้ได้ ต้องมาหมั่นฝึกฝนให้ได้ พุทธะระเบียบต่างๆ
ก็จำเป็นจะต้องมาฝึกฝนให้ได้ ให้ก้าวหน้ามากๆ
จะได้นำผู้อื่นได้ด้วย จะได้เบาแรงของกันและกันด้วย อยู่ใกล้หน่อยอย่าให้คนอื่นเขาเรียกให้มาเองดีไหม หลานๆ เราก็น่ารักทุกคนเราพูดอะไรก็ค่ะ ก็ครับหมดเลย เวลาจะทำไม่รู้ว่าจะค่ะ จะครับอย่างนี้หรือเปล่า บ้านใกล้เรือนเคียงมาไม่ยากก็ต้องมาบ่อยๆดีหรือเปล่า ณ เบื้องบนสักวันหนึ่งทุกคนจะต้องไปผ่านด่านของท่านซันกวนต้าตี้ เพราะฉะนั้นจงไหว้พระเป็น ท่องต่างๆเป็นตั้งแต่ในโลก อย่ารอให้ถึงเวลาแล้วการฝึกฝนยากขึ้นเป็นร้อยเท่าตัว
เข้าใจไหม (เข้าใจ) ต้องมาช่วยกันให้มาก ในเสาคานอันหนึ่งนั้นถ้าหากว่าแบกอยู่คนเดียว ก็หนักอยู่คนเดียว แต่หากว่าสามคน ห้าคนช่วยกันแบก ก็เบาขึ้นใช่หรือเปล่า ความเข้าใจให้กันและกันมีไหม ความรักและเคารพต่อกันมีบ้างหรือเปล่า ก้าวเท้าให้เร็วๆ หน่อย ก้าวเท้าไม่ทันก็เจอคลื่นลูกหน้า
ในวันนี้ไม่ใช่วันหยุด คนที่มาจึงมีน้อยและเป็นคนที่ชรา เป็นโอกาสดีของเราด้วยอายุเท่านี้การทำงานเป็นโอกาสดีที่สุด อายุเท่านี้จึงต้องรู้จักบำเพ็ญธรรมแล้ว ถ้าไม่บำเพ็ญตอนที่ว่างๆ อย่างนี้ ไม่รู้ว่าหลานๆ จะได้บำเพ็ญเมื่อไหร่ การบำเพ็ญนั้นมีทั้งทางด้านกายและใจ หากบำเพ็ญกายยังไม่ดีก็บำเพ็ญใจให้มากๆ หากบำเพ็ญใจยังไม่ดีก็บำเพ็ญกายให้มากๆ
ผู้ปฏิบัติงานธรรมสองวันนี้ต้องเหนื่อยเป็นพิเศษใช่หรือเปล่า เพราะฉะนั้นผู้บำเพ็ญธรรมควรที่จะมีจิตแห่งความขอบคุณ ขอบคุณนั้นไม่ใช่ขอบคุณแม่ครัวอย่างเดียว มีฟ้า มีดิน มีผู้มีพระคุณต่อเราอีกมากมาย
เมื่อสักครู่พูดถึงต่อกันมีอยู่มากมาย
ความเข้าใจเอาใจใส่ต่อกัน ความเห็นอกเห็นใจ การอยู่ร่วมกันต้องมีความสามัคคีกัน อย่างที่ว่าไว้ อย่าบอกว่าเราต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นเราต้องได้ ไม่รู้จักวางสิ่งนี้ เพราะว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย อาจจะทำให้จิตใจของเราไม่สามารถสงบลงได้ ใจของเราเป็นสิ่งที่ดีงามที่สุด แต่บางทีใจของเราก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวด้วย จึงอย่าได้สะสมความน่ากลัวต่างๆ นั้นให้กับจิตใจของเราเอง ในคำว่าต่อกัน
ต่อกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดหรือใครกับใครต่อกัน ให้กลับไปคิดว่าตัวเราขาดสิ่งใด ตัวเราขาดสิ่งใดไม่แน่ว่าคนอื่นเขาจะขาด การตักเตือนกันจึงต้องระมัดระวังด้วย คนอื่นอาจจะเป็นในสิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยเป็น เพราะฉะนั้นมนุษย์ในสมัยปัจจุบันมองหน้าไม่รู้ใจ อารมณ์โมโหจึงเป็นอารมณ์เก็บกดชนิดหนึ่ง จึงต้องรู้จักระวัง อย่าปล่อยให้สะสมไว้เนิ่นนาน ถึงเวลาระเบิดขึ้นมาตัวเราเองก็ยังห้ามตัวเราเองไม่อยู่
เข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ)
วงการธรรมะนั้นสามารถเจริญรุ่งเรืองอาศัยมนุษย์นั้นเป็นผู้ควบคุม อาศัยสวรรค์เป็นผู้บัญชา ทุกๆ ก้าวจึงต้องระมัดระวัง ถ้าตัวเราไม่ดีไม่ได้หมายความว่าธรรมะนั้นจะไม่ดี เพราะฉะนั้นคนใดที่ไม่ดี เหมือนกับรถคันหนึ่งที่ไม่ดี อะไหล่ตัวไหนที่ไม่ดีเสียมากๆ จะต้องถูกถอดเปลี่ยนไป เราจึงต้องระมัดระวังตัวของเราเอง ในทางกลับกันถ้าหากว่ารถคันนี้มีอะไหล่อยู่ตัวหนึ่งที่ดีมากเกินไป อะไหล่ของรถเก๋งจะใส่อยู่ในรถบรรทุกได้หรือไม่ ไม่ได้
การทำความดีจึงอย่าทำดีเกินหน้าเกินตาผู้อื่นเขา ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าระมัดระวัง เพราะมนุษย์อยู่กันได้เป็นสังคม สังคมนี้ต้องรู้จักให้มีความเอกภาพด้วย ขอให้เริ่มที่ตัวเราก่อน เข้าใจไหม
ที่นี่มีอยู่สองแบบคือเด็กและคนชรา
เพราะฉะนั้นจงจำไว้ด้วยเด็กคนหนึ่งสามปี ห้าปีเขาก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้นอกจากส่งเสริมคนชราสามปี ห้าปีอาจจะไม่อยู่แล้ว
ก็ยังต้องส่งเสริมให้เดิน เมื่อเด็กสามปี ห้าปีโตเป็นผู้ใหญ่เขาอาจเป็นคนดีของโลก ของสังคม
มีกุศลมีคุณงามความดีช่วยชีวิตช่วยอนาคตเขาไว้
จึงขอให้ส่งเสริมด้วยเช่นกัน ตอนนี้วงการธรรมะดูแล้วเรื่อยๆ
แต่ว่าต่อไปเด็กๆ จะป็นกำลังสำคัญ
เพราะฉะนั้นหลานทั้งหลายจะต้องรู้จักที่จะเข้าใจและส่งเสริมกันให้ไปรอดถึงฝั่ง
เข้าใจไหม
ในวันนี้ได้พบหน้าหลานๆ ก็ถือว่าเรานั้นมีบุญต่อกัน หลานๆ นั้นมีวาสนาเราเองก็มีวาสนาเช่นเดียวกัน ขอให้นำตนเองให้เป็นผู้เมตตาไปช่วยผู้อื่นได้ เมื่อช่วยผู้อื่นได้ก็เท่ากับว่าช่วยตนเองได้เช่นกัน ถ้าหากว่าหลานไม่เชื่อก็ลองไปประพฤติปฏิบัติดู อันว่าการบำเพ็ญธรรมนั้นทุกๆ ก้าว ทุกๆ ขณะจิตต้องเป็นธรรมะ ต้องเอาธรรมะที่แฝงอยู่ภายในออกมา แสงอันเกิดจากจิตไม่ใช่เกิดจากที่ฟ้าประทาน แต่เกิดที่ตัวเรานั้นทำเอง ตัวเรานั้นมีความสว่างออกจากใจเอง พื้นฐานคือกาย วาจา ใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ในวันนี้ได้ชื่อว่าเป็นนักธรรมอาวุโส
ความอาวุโสนี้ก็ให้เกิดขึ้นที่จิตใจ ขอให้เกิดขึ้นเพราะว่ามีรอยเท้าทิ้งไว้บนพื้นมาก ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะว่ามีฝุ่นเกาะจับมาก หลังจากวันนี้จะตั้งใจบำเพ็ญใช่หรือไม่ ญาติธรรมที่เป็นญาติธรรมบุรีรัมย์เองยิ่งต้องลงแรง เรานั้นมีเพื่อนผู้ร่วมบำเพ็ญน้อย จึงต้องรู้ไว้ว่ามีคนน้อย คนช่วยพายก็น้อย เราจะทำอย่างไรให้มากขึ้น เอาความเมตตาให้มากขึ้น เพิ่มพูนขึ้น ผู้ร่วมบำเพ็ญก็จะมากขึ้นเอง หากผู้อื่นไม่เข้าใจธรรมะ จงเอาความประพฤติการปฏิบัติของเราที่ดีงามให้ผู้อื่นเห็น เขาก็จะเข้าใจได้ว่าการบำเพ็ญนั้นคืออะไร เพราะว่าการบำเพ็ญนั้นไม่มีหน้าไม่มีหลัง ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเกียรติยศ ไม่มีใบประกาศจะบอกว่าการบำเพ็ญนั้นคืออะไร อาศัยแต่มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กระทำ เป็นผู้ใฝ่ดี
ขอให้วันหน้าๆนั้นได้มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นก็เพราะว่ามนุษย์นั้นไม่สมารถรู้ได้ว่าอนาคตของตนคืออะไร อย่าได้พยายามใฝ่รู้ว่าอนาคตของตนเองคืออะไร แต่ทำทุกๆ วันที่มีอยู่ในขณะนี้ให้ดี ภายภาคหน้าถ้าเจออุปสรรคขออย่าให้ท้อใจ อันว่ายุคนี้มีการเคี่ยวกรำ เคี่ยวกรำนั้นขึ้นชื่อว่าทุกข์จึงไม่มีความสุขเเน่นอน แต่จบจากชีวิตนี้แล้วอาจจะได้ความสุขที่นิรันดร์
ต้องการไหม ขอให้มีความเชื่อมั่นในธรรมะ ขอให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ขอให้รู้จักตนเองด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ยังขออวยพรให้หลานๆมีความสุข บุญและชะตาของเราสร้างไว้อย่างไรไม่สามารถเปลี่ยนเเปลงได้ง่ายๆนอกจากว่าผู้ที่ตั้งใจจริง การเกิดตายนั้นเป็นเรื่องที่วอนขอไม่ได้ ไม่สามารถหลุดรอดไปได้ บางครั้งชีวิตคนจึงต้องทำใจด้วย เข้าใจหรือไม่ วันหน้าเจอกันใหม่ ลาก่อน
วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2540
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2540
2540-12-02 พุทธสถานสกุลเฉิน (หมิงฮุย) จ.ลพบุรี
PDF 2540-12-02-หมิงฮุย #26.pdf
#หลักธรรม #บัวสี่เหล่า #มนุษยธรรม #กดขี่ #บีบคั้น #ช่วงชิง #ผลักไส #เปิดหมิงฮุย
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.