วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2540

2540-10-25 พุทธสถานจือเจวี๋ย จ.สงขลา


PDF 2540-10-25-จือเจวี๋ย #20.pdf

#ปลูกบัวกลางไฟ 

วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม  พุทธศักราช ๒๕๔๐  พุทธสถาน จือเจวี๋ย  จ.สงขลา
พระโอวาทท่าน เจี้ยวฮว่าผูซ่า

  น้อมดวงใจน้อมกายน้องบัณฑิต  น้อมวาจาดั่งบรรพชิตปัญญาใส
อันกริยาเปรียบจริยาอยู่ภายใน  เปรียบอาภรณ์อันสวมใส่ได้งดงาม
    เราคือ
  เจี้ยวฮว่าผูซ่า    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถาน   แฝงกายกราบ
พระอนุตตรธรรมมารดา    ถามศิษย์น้องทุกท่านเกษมฤๅ

หยดน้ำค้างจากปลายฟ้า  เปรียบนั้นหนาชีวิตคน  ที่มิเคยสักหน  จะยืนยงได้ยาวไกล  เกาะใบไม้แต่ยามเช้า  แดดมาเร้า
เลือนหายไป  น้ำตาพาลจะไหล  โปรดเข้าใจโปรดตนเอง
*  ใจอันคิดคืนกลับ  เสรีดั่งหงส์ร่อนบิน  เป็นมังกรบนดิน  เพียรแค่สิ้นหมดลมหายใจ  ให้เราล้มเพื่อจะลุก  อย่าเกรงทุกข์มาทำร้ายใจ  ถึงผิดไปไม่สาย  อย่ามัวอายให้หวั่นเกรง ( ซ้ำ *)
เพลง : มีความอดทน
ทำนองเพลง : สู้ต่อไป


(ท่านเจี้ยวฮว่าผูซ่าเมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมกันแต่งชื่อเพลง)
นกกลับรัง  ล้มเพื่อลุก  กำลังใจ
มุ่งไปสู่ความมั่นใจ  ใจคิดคืนกลับ  สู้เพื่อคืนบ้านเดิม
ผิดไปไม่สาย  เสรีภาพ  ใจสู้
ขอสู้แค่ชาตินี้  หวนกลับ  ชีวิตดั่งหยดน้ำค้าง
สามัคคี  ยังไม่สาย  สู่ชีวิตอิสระ



พระโอวาทท่านเจี้ยวฮว่าผูซ่า

หยกที่อยู่ท่ามกลางหินนั้น  เคยแสดงตัวเองให้โดดเด่นว่าตัวเองคือหยกหรือไม่ จนกว่าจะมีผู้ค้นพบและหยิบเอามาเจียระไน ให้เป็นหยกใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นผู้บำเพ็ญธรรมในยุคนี้มีใครบ้างที่ทำตัวโดดเด่นเกินไป จนเขารังเกียจ ก็เลิกกระทำเสีย  แล้วส่วนคนที่กระทำในสิ่งตรงกันข้าม  คือทำตัวให้ต่ำต้อยเกินไปจนคนอื่นเขามองดูไร้ค่า ก็รีบเร่งตัวเองยิ่งขึ้นดีหรือไม่ (ดี)  ทุกคนต่างมีคุณค่ามีความสามารถกันคนละแบบ คนละด้าน  แต่อยู่ที่ว่าตนเองจะรู้จักความสามารถของตนเองไหม  จะรู้จักนำความสามารถของตนเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์หรือเปล่า ใช่ไหม (ใช่) 
วันนี้เป็นบัณฑิตที่มาเริ่มต้นศึกษานับหนึ่งใหม่ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่) แม้จะเคยศึกษาบำเพ็ญมา แต่พอมานั่งในชั้นเรียนก็จะเหมือนนักเรียนใหม่อยู่ การศึกษาก็เพื่อเพิ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ให้หนักแน่น  ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  ศิษย์น้องที่นั่งอยู่ที่นี่มีพื้นฐานการบำเพ็ญกันบ้างหรือไม่ (มี)  แล้วมีประสบการณ์การบำเพ็ญกันบ้างหรือเปล่า (มี)  ทุกคนมีมากน้อยแตกต่างกันใช่ไหม  ศิษย์พี่ขอถามว่าการบำเพ็ญธรรมยากหรือไม่  มีศิษย์น้องบางท่านตอบว่ายาก  บางท่านไม่ได้ตอบ  ท่านที่ตอบว่ายากลองลุกขึ้นมาตอบซิว่ายากอย่างไรบ้าง  ยากที่จะเอาชนะใจนี้ให้เด็ดเดี่ยวมั่นคงใช่ไหม (ใช่)  มีภาระที่ต้องผูกพันจึงยากที่จะบำเพ็ญใช่หรือไม่  ต้องต่อสู้กับตนเองยังไม่พอ  ยังต้องทนกับวาจา การปฏิบัติของผู้อื่นที่อยู่รอบข้างด้วยใช่ไหม (ใช่)  ถ้าศิษย์พี่จะกล่าวเตือนบ้างว่าการที่จะศึกษาบำเพ็ญธรรมนั้น  พื้นฐานที่สำคัญนั้นก็คือเราต้องมีเวลาให้กับการศึกษาก่อน  ถ้าหากว่าเราเข้ามาในวงการอนุตตรธรรม เข้ามาบำเพ็ญธรรม แต่ไม่มีความเข้าใจ  ถึงสิ่งที่ตนเองเข้ามาเลยนั้น  ก็ยากที่จะดำเนินได้แจ่มชัดใช่ไหม  แล้วก็ยากที่จะมั่นคงได้  ฉะนั้นสิ่งแรกที่ศิษย์น้องจะต้องกระทำคือสละเวลาของตนเอง  เมื่อมีเวลาก็ใช้เวลานั้นมาศึกษาเพิ่มเติม ในหลักแห่งอนุตตรธรรม ในเกณฑ์แห่งฟ้านี้ว่าทำไมจึงต้องมีการบำเพ็ญธรรม  แล้วจะบำเพ็ญอย่างไร  บำเพ็ญมีจุดหมายไปที่ใด  ถ้ามีเวลาให้เวลากับสิ่งนี้ให้เต็มที่  ทำความกระจ่างให้จงได้  เพราะเมื่อมีความเข้าใจแล้วความศรัทธาก็ย่อมบังเกิด ใช่หรือไม่  เมื่อศรัทธาบังเกิดขึ้นแล้วนั้นก็ยากที่จะถูกคนกล่าวหาได้ว่าคนนี้งมงายใช่ไหม  เพราะสิ่งที่เขาศรัทธานั้นเขามีความศรัทธาอย่างเข้าใจ ศรัทธาอย่างกระจ่าง และศรัทธาอย่างมีเหตุผล  เมื่อมีความศรัทธาแล้วถึงแม้จะถูกคนว่างมงายเราก็สามารถตอบให้กับใจตนเองได้ว่า เราศรัทธาอะไร เชื่ออย่างงมงายไม่มีเหตุไม่มีผลใช่หรือไหม  เมื่อเรามีความศรัทธา มีความเข้าใจแล้ว ก็ต้องตอกย้ำความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และมั่นคงให้กับตนเอง  เมื่อมีความเด็ดเดี่ยวมั่นคง เราก็จะมีจุดหมายที่แน่วแน่แล้วว่าเราศึกษาไปเพื่ออะไร  ศึกษาแล้วเรามีแนวทาง  มีทิศทางอย่างไร   หากเราเข้าใจสิ่งนี้ก็ยากที่จะสั่นไหวสั่นคลอน ก็ยากที่จะโอนเอนได้ แล้วทิศทางของศิษย์น้องทุกคนที่นั่งในที่นี้คืออะไร (การหลุดพ้น  ให้มีจิตแห่งพุทธะ  พายเรือธรรมฉุดช่วยเวไนยกลับคืนสู่แดนพุทธา)  ต้องเข้าใจและแยกแยะให้ดีระหว่างทิศทางกับจุดมุ่งหมาย  ทิศทางนั้นก็คือปณิธานที่ได้ตั้งไว้  จุดมุ่งหมายก็คือสิ่งสุดท้ายที่เราจะต้องฝ่าฟันไปให้ถึง ดำรงชีวิตไปให้ถึงจุดมุ่งหมายใช่หรือไม่  ฉะนั้นปณิธานก็คือส่วนที่ทำให้เรารู้ว่าเราเดินถูกต้องไหม  สิ่งที่เรากำลังไปนี้เป็นทิศทางที่ถูกกับที่เราตั้งไว้หรือเปล่า  ศิษย์น้องบางท่านตั้งปณิธานกันไปก็มากมาย  แต่หลายท่านมักจะจำไม่ได้ว่าปณิธานทั้งหมดมีอะไรบ้าง  ปณิธานนั้นต้องทำความเข้าใจว่าจะต้องเดินอย่างไรใช่ไหม  รู้แค่เพียงว่าตัวเองมีปณิธาน  แต่ไม่รู้ว่าปณิธานนั้นคืออะไร  ทำให้การเดินของศิษย์น้องหวั่นไหวเอนเอียงไปบ้างใช่หรือไม่  ฉะนั้นปณิธาน จุดมุ่งหมายจะต้องเด่นชัดในตัวตนเองด้วย เข้าใจหรือเปล่า
เราก็เหมือนพี่ๆ น้องๆ กันใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนตอนนี้เรากลับบ้านมาเจอหน้ากัน เจอหน้ากันก็มีทักทายกันบ้าง  ไม่ลืมที่จะมีสัมมาคารวะต่อกัน  ไม่ลืมที่จะมีรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มให้แก่กันใช่หรือไม่ และก็ไม่ลืมที่จะมีความเกรงอกเกรงใจเมื่ออยู่ด้วยกัน  เมื่อเราอยู่ร่วมกัน สิ่งที่เราต้องการจาก อีกฝ่ายหนึ่งนั่นคือความจริงใจใช่หรือไม่  ความจริงใจนั้นสามารถปรากฏได้โดยที่ยังไม่ต้องพูด  ก็คือรอยยิ้มจากใบหน้าเมื่อพบเจอกัน  เป็นผู้บำเพ็ญธรรมในยุคนี้ก็เป็นเหมือนตัวแทนแห่งอนุตตรธรรม เป็นตัวแทนแห่งผู้ที่จะบำเพ็ญธรรม  ตัวแทนนั้นก็เปรียบเหมือนทูต  ทูตที่จะนำธรรมส่งมอบไปให้กับผู้อื่น  ยิ่งส่งออกไปตัวเองก็ยิ่งมีมากขึ้นใช่ไหม  ไม่เหมือนสิ่งของที่ยิ่งให้ก็ยิ่งหมดไป  แต่หลักธรรมนี้เรายิ่งให้เรากลับยิ่งได้  เรายิ่งเสียก็เหมือนยิ่งได้เพิ่มใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่ให้กันง่ายๆ ก็คือรอยยิ้มที่ไม่มีวันเหือดหายไปจากใบหน้าของศิษย์น้อง ดีหรือไม่ (ดี)  เป็นผู้บำเพ็ญธรรมที่มีความสุขอยู่ตลอด  มีรอยยิ้มที่รับได้ทุกเรื่องราว  ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะเจ็บปวด  ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะต้องหลั่งออกมาเป็นน้ำตา  แต่ก็สามารถลบเลือนหายไปได้ด้วยรอยยิ้มใช่ไหม (ใช่) ถึงจะทุกข์ถึงจะสุขมากมายเพียงใด ศิษย์น้องก็ต้องพูดออกมาว่า สบายดีหรือไม่  แม้จะผ่านความเจ็บปวด แม้จะผ่านวาจาร้อยพันคำ แต่ศิษย์น้องก็ผ่านมาจนได้มานั่งอยู่ในที่นี้ ก็นับว่ามีภูมิธรรมไม่เบาแล้ว ฉะนั้นภูมิธรรมนี้จะสั่งสมเพิ่มขึ้น หรือว่ามีแค่เท่านี้ หรือว่าหดหายไป ก็อยู่ที่ว่าก้าวต่อไปที่จะออกจากบ้านหลังนี้ ก้าวต่อไปในขณะที่ไม่ได้พบศิษย์พี่นี้
โอวาทกลอนที่ได้ไปเมื่อวานนั้น ขอให้ไปอ่านหลายๆ รอบแล้วจะเข้าใจความหมายของ “ปลูกบัวกลางไฟ” แล้วจะเข้าใจความหมายของวันนี้ว่าจะบำเพ็ญอย่างไร เพราะตอนนี้ วาระนี้ ภายนอกเริ่มปั่นป่วนแรงขึ้น  ทวีมากขึ้นทุกวัน จะเคี่ยวกรำจิตใจของศิษย์น้องอย่างไร ถึงจะแข็งแกร่ง จะเคี่ยวกรำจิตใจศิษย์น้องอย่างไร ถึงจะงดงามได้อย่างแท้จริง ก็อยู่ที่ว่า ศิษย์น้องจะทนต่อความตรากตรำ สามารถผ่านอันตราย ปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่ ได้อย่างไร ใช้วิธีใหน ขอให้ไปศึกษาเพิ่มเติมดูจากโอวาทเมื่อวานนี้ดีหรือไม่ (ดี) ดังเช่นมีคำหนึ่ง “กาละจริยา” กาละก็คือ รู้จักกาลเทศะ จริยาก็คือ จริยธรรม เมื่อออกไปเราต้องพบกับเหตุการณ์ต่างๆ เราต้องรู้ตัวเองว่าจะดำเนินตนอย่างไร ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะยิ่งเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน จิตใจคนนั้นหยั่งยากยิ่ง แม้แต่จิตใจของศิษย์น้องที่นั่งอยู่ที่นี้ด้วยใช่หรือไม่ (ใช่) วันนี้เห็นอยู่ตรงนี้ พรุ่งนี้อาจจะหวั่นไป ฉะนั้นประคองจิตใจให้มั่นคงอยู่ในแก่นธรรม อยู่ในโลกนี้แต่สามารถชนะ ไม่ใช่การชนะด้วยการแก่งแย่ง แต่เอาชนะให้อยู่เหนือทั้งรูปธรรม และนามธรรมได้ เข้าใจไหม (เข้าใจ) ทำอาจจะยากขึ้นมานิดหนึ่ง นั่นก็คือว่า ไม่ว่าอยู่ในสภาวะแวดล้อมใด คนพูดแบบใด จิตใจเราก็ยังบริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติอยู่ จิตใจที่คิดจะบำเพ็ญ จิตใจที่คิดจะกระทำดี จะยังคงมีอยู่ไม่สั่นไหวไปกับสิ่งแวดล้อม เมื่อคิดจะบำเพ็ญขอให้มีความขยัน กระตือรือร้น และอดทน ความขยันนั้นก็คือ ความพากเพียร มีแต่บุคคลที่ขยันพากเพียรอย่างไม่ลดละ กระตือรือร้นอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงจะสามารถพบแดนนิพพาน กลับคืนเบื้องบนได้ แต่บุคคลที่เกียจคร้านทำอย่างไรถึงจะขจัดความเกียจคร้านได้ ต้องอดทนลบล้างความเกียจคร้านให้ได้ เอาชนะและอยู่เหนือความเกียจคร้านให้ได้ แต่ทุกคนที่บอกว่าตนเองเป็นผู้บำเพ็ญธรรม ต้องไม่ลืมว่าตนเองกำลังบำเพ็ญธรรมอยู่ ต้องย้ำเตือนอยู่เสมอไม่ว่าการกระทำ ไม่ว่าวาจา ต้องมีความเคร่งครัดในตัวเอง อย่าปล่อยตนเองหละหลวมไปง่ายๆ แม้เศษเสี้ยวนาที ก็ต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญ ทำได้ไหม (ได้) ตอนนี้ศิษย์น้องอาจจะพูดว่า ทำไมศิษย์พี่มาพูดจึงมีแต่ข้อที่ทำยากทั้งนั้นเลย มีแต่ข้อที่ยังทำไม่ได้เลย ใช่ไหม (ใช่) แต่ถ้าเกิดศิษย์พี่พูดว่า ไม่ตีน้องตอนนี้ให้กลับคืนเบื้องบน แล้วจะไปตีศิษย์น้องตอนไหน ไปตีตอนที่ศิษย์น้องไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว ไปตีตอนที่ศิษย์น้องไม่มีร่างกายนี้แล้ว ทันหรือเปล่า (ไม่ทัน) ถึงแม้จะกลับคืนขึ้นไปได้ แต่ศิษย์น้องก็ทนอยู่เบื้องบนไม่ได้ เพราะอะไร เพราะใจของศิษย์น้องเอง ที่ทำร้ายตัวเองใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นวันนี้ศิษย์พี่มาย้ำเตือนบ้าง ตีบ้าง ขอให้จดจำและไปทำให้ได้ดีหรือไม่ (ดี) และก็เป็นผลดีต่อศิษย์น้องทั้งนั้น ชีวิตนี้อย่าบอกว่ามีแต่เรื่องง่ายที่เข้ามาในชีวิตนี้ เมื่อเกิดขึ้นมา การรักษาให้มีชีวิตอยู่รอดก็ยากแล้วใช่ไหม (ใช่) จะรักษาตนเองให้อยู่รอดและมีค่ามากที่สุด ก็ยิ่งยากขึ้นไปใหญ่ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เหนือของคำว่ายากคือ แดนนิพพาน ศิษย์น้องจะไม่ไปหรือ แต่ชีวิตที่เราผจญอยู่ ต้องแข่งขัน ต้องต่อสู้ ต้องแก่งแย่งชิงดีนั้น ยากเหมือนกันใช่ไหม (ใช่) แต่จุดมุ่งหมายอยู่ตรงไหน ช่างเลื่อนลอยหาไม่เจอใช่หรือไม่ (ใช่) มีเพียงแค่เอาชนะ มีเพียงแค่หวังทรัพย์สิน แต่เมื่อมีรูปมีนามแล้ว ก็ล้วนอยู่ในวัฏฏะของความไม่เที่ยงทั้งนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ช่วงเวลาของคำว่าลำบากก็มีเพียงแค่นี้ มีเพียงหมดสิ้นลมหายใจแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้นใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อหมดไปแล้วความยากจะมีต่อไปนั้น ก็อยู่ที่ผลบุญผลกรรมที่เราสร้างทั้งสิ้น ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นการหมั่นส่งเสริมคุณงามความดีให้กับตน จะทำเช่นไร ถือความซื่อสัตย์เป็นหลัก สิ่งใดที่ไม่ชอบ ไม่ควรกระทำ  ก็เริ่มเลิกที่จะไม่กระทำ  สิ่งใดที่ชอบที่ควรกระทำ  ทำแล้วเหมาะสมก็รีบทำ สิ่งใดที่เป็นบาปอย่าได้กระทำ สิ่งใดที่เป็นคุณงามความดี สร้างสมบุญกุศลขอให้หมั่นสร้าง ค่อยๆ รินมรรคผลของตนเองให้กลมสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ตราบที่เรายังมีช่วงลมหายใจเข้าออกอยู่นี้ ถ้าเราไม่ริน ไม่หมั่นเติมบุญกุศลของเราแล้ว ให้คนอื่นมาทำให้ เขาให้เราได้หรือไม่ (ไม่ได้) อย่างที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์เคยกล่าวไว้ “บำเพ็ญธรรมใครทำใครได้รับ” ต่อการบำเพ็ญธรรมของผู้บำเพ็ญธรรมนั้น ถ้าสิ่งใดเราไม่มั่นใจว่าทำไปแล้วก่อผลดีหรือไม่ ก็อย่าเพิ่งทำ สิ่งใดที่มั่นใจว่าทำไปแล้ว ต้องก่อผลดีแต่ก็ขอให้มีความระมัดระวัง ต่อวาจาที่พูดออกไปนั้น ถ้าพูดไปแล้ว ไม่มั่นใจก็อย่าได้รีบร้อนพูด เมื่อจะพูดแล้วมีความมั่นใจเต็มที่ เมื่อพูดไปก็ต้องมีความสำรวม และระมัดระวัง การพูดตักเตือนคนอื่นไม่ได้ยากตรงที่เขาจะรับฟังเราหรือไม่ แต่ยากตรงที่เรากับเขาจะสื่อความหมายได้ตรงหรือแจ่มชัดตามที่เราต้องการหรือไม่ ฉะนั้นการจะปฏิบัติ จะต้องมีความเคร่งครัดและระมัดระวัง อยู่ในความสำรวมยิ่งทำได้ไหม (ได้) หากศิษย์พี่พูดว่า  จงให้วาจานั้นช้ากว่าการกระทำ แต่มีการกระทำที่ไวคล่องแคล่วทำได้ไหม (ได้) เมื่อคิดจะทำก็ให้นึกถึงวาจาที่ตัวเองพูดออกไป  เมื่อตัวเองจะพูดอะไรออกไป  ก็ให้คิดถึงการกระทำที่ตัวเองจะทำว่าทำได้หรือไม่ หากทุกขณะจิตคิดอย่างนี้ ความผิดพลาดความล้มเหลว ก็ยากจะปรากฎในตัวศิษย์น้องได้ รู้ไหมว่าเวลาศิษย์น้องทำผิดพลาดครั้งหนึ่ง มิใช่ศิษย์น้องคนเดียวที่หวั่นเกรงแต่พระอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่คอยหนุนช่วย ก็หวั่นเกรงเช่นกัน ท่านหวั่นเกรงว่าพลาดไปแล้วล้มไปแล้วจะไม่ยอมลุกขึ้นมาอีก หวั่นเกรงว่าผิดไปแล้วจะไม่ยอมกลับคืนเบื้องบน จะซ้ำเติมตัวเองให้ยิ่งแย่ลงไปอีก  ฉะนั้นเมื่อไรที่ศิษย์น้องผิดพลาดไป แล้วเกิดมีความหวั่นเกรง ต่อพุทธะเบื้องบนก็จงรู้ไว้ด้วยว่า พุทธะเบื้องบนก็กลัวศิษย์น้องจะไม่กลับคืนไปอีก รู้เช่นนี้จะได้มีกำลังใจให้กับศิษย์น้อง
ชื่อเพลงนั้นศิษย์พี่อยากให้ศิษย์น้องลองอ่านเนื้อหา แล้วลองช่วยกันตั้งดีไหม ชื่อเพลงนี้ศิษย์พี่ให้มีความหมาย เหมือนกับการมาครั้งนี้
บำเพ็ญธรรมนั้นไม่ว่าพุทธะหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนไม่มีท่านใดที่บำเพ็ญง่ายๆ แล้วกลับคืนเบื้องบนง่ายๆ ไม่มีท่านไหนที่เลิกบำเพ็ญกลางคันแล้วกลับมาบำเพ็ญต่อ เบื่อแล้วก็ไม่ทิ้งแต่เบื่อแล้วยังฝ่าฟันความเบื่อนี้ให้หมดสิ้นให้จงได้ใช่ไหม (ใช่) ศิษย์น้องมักจะอดทนกันได้ไม่เต็มที่ อดทนไม่ได้เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่าบางครั้งเราไม่รู้จักหลีกหนีบ้าง เมื่อเรารู้ว่าเราอดทนที่จะฟังคำเหยียดหยามไม่ได้ อดทนคำว่ากล่าวไม่ได้ทำไมไม่รู้จักหลีกหนีบ้าง ทำไมต้องไปเดินเข้าใกล้สิ่งที่ทำให้เราต้องทนไม่ได้ ขั้นแรกในการบำเพ็ญนั้นก็คือ  หลีกหนีสิ่งชั่วร้ายก่อน เมื่อเราทำใจได้แล้วเมื่อถึงคราวที่หลีกหนีไม่ได้ก็อดทนให้ได้ และเมื่อถึงอีกขั้นหนึ่งที่ยากขึ้นไปก็คือสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าดีหรือไม่ดี ไม่ว่าเลวร้ายหรือไม่เลวร้ายเป็นสิ่งเหมือนกันหมดไม่มีจิตใจว่าตัวเราชอบแบบนี้หรือไม่ชอบแบบนี้ นั่นก็คือการบำเพ็ญที่ยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ทำได้ทีละขั้นทีละขั้น ศิษย์น้องก็จะอยู่บนโลกนี้อย่างเกษมปรีดา อยู่บนโลกนี้อย่างอิสระเสรีเหมือนนกที่ไร้พันธนาการ เหมือนมังกรที่พร้อมจะร่อนถลาคืนสู่เบื้องบน มังกรนี้ยังเป็นมังกรดินที่อยู่บนดินเพราะไร้ปีก ไร้เรี่ยวแรงที่จะผกโผถลาขึ้นไปสู่เบื้องฟ้า ก็เพราะอะไร เพราะยังหล่อหลอมเคี่ยวกรำตนเองยังได้ไม่เต็มที่ ยังเบาใสไม่เพียงพอฉะนั้นตอนนี้มีเวลามีลมหายใจอยู่ก็ให้เร่งรีบดีหรือไม่ (ดี) แล้วเราจะเป็นมังกรที่ถลาคืนขึ้นสู่แดนนิพพาน กลับคืนไปร่วมงานหลงฮว๋าร่วมกันมีความสุขยิ่งกว่าความสุขใดๆ ในโลกนี้ ความสุขที่ไร้รูปไร้นาม ความสุขที่ไร้การเพื่อรักเพื่อชัง ความสุขที่ไร้การอิ่มเอิบในใจนั่นคือความสุขที่เที่ยงแท้ นั่นคือความสุขที่เราไม่ต้องรู้สึกว่าตกลงไปในห้วงทุกข์เมื่อไหร่อีก
“ใจอันคิดคืนกลับ  เสรีดั่งหงส์ร่อนบิน
เป็นมังกรบนดิน  เพียงแค่สิ้นลมหายใจ”
สองบทเป็นการย้ำเตือนว่า ศิษย์น้องมีเวลาเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น หมดลมหายใจนี้จะเป็นนกที่อิสระเสรีจะเป็นมังกรที่อยู่เพียงแค่บนดินหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าช่วงชีวิตช่วงลมหายใจนี้ทำตนเองได้มากน้อยเพียงใดเป็นพุทธะเต็มตัวหรือไม่  มีคำกล่าวว่า  “นกที่อยู่ในกรงก็ยากหาความเป็นธรรมชาติ  ได้อย่างแท้จริง ต้นไม้ที่ปลูกในกระถาง  ก็ยากที่จะมองดูแช่มชื่นกว่า ต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามป่าเขา” สรรพสิ่งที่เรียงร้อยกันอยู่อย่างธรรมชาติถึงจะปรากฎความงดงามได้อย่างแท้จริง ชีวิตที่ศิษย์น้องผจญอยู่ในโลกนี้  ก็อยู่ในธรรมชาติแต่เราจะกลั่นกรองชีวิตให้กลับคืนความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ใสแท้นั้น ก็อยู่ในมือของศิษย์น้อง ก็อยู่ที่การดำรงชีวิตต่อไปของศิษย์น้องนั่นเองว่าจะกลับคืนความใสเดิมไหมหรือยังอยากมัวเมาโลกีย์อยู่ ขอให้เลือกเอา
เดี๋ยวพอจบชั้นแล้วศิษย์พี่ขอตัวแทนช่วยแจกแอปเปิ้ล ขอให้มีความราบๆ เรียบๆ ไปตลอดในการบำเพ็ญธรรมดีหรือไม่ (ดี) หากต้องเจออุปสรรคบ้างก็คิดเสียว่าแอปเปิ้ลที่เราได้รับนี้ มีหนอนมีสิ่งที่ไม่ดีให้ดึงออกเสียดีหรือไม่ (ดี) หากแอปเปิ้ลที่ทานนี้รสชาดไม่หวาน มีทั้งเปรี้ยวมีทั้งฝาดก็คิดว่าชีวิตนี้ยังต้องผจญไปอยู่เรื่อยๆ ขอให้ตอนนี้เปรี้ยวหวานฝาดอย่างไรก็ขอให้ยังมุ่งมั่นกลับคืนเบื้องบน มุ่งไปสู่ความมั่นใจทำได้หรือเปล่า (ทำได้)
เป็นผู้บำเพ็ญธรรม แม้จะเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์จี้กงแม้จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยหนุนช่วย แต่ก่อนจะทำอะไรแล้วมาขอให้พระอาจารย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องถามตัวเองด้วยว่าได้ลงแรงเต็มที่หรือไม่ ถึงจะมาขอพลังหนุนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์พลังหนุนจากพระอาจารย์ ตัวเองยังลงแรงไม่เต็มที่ แล้วขอพลังหนุนจากคนอื่น ถ้าพระอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ไปแล้วเต็มที่แต่ศิษย์น้องเอง ไม่หยิบฉวยเอามาใช้ อย่างนี้จะโทษใครดี (ตัวเอง)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาสอนนักเรียนในชั้นร้องเพลง)
ยังร้องไม่ได้ก็ต้องสู้ต่อไปใช่หรือไม่ (ใช่) มีแต่ความขยันและความพากเพียรถึงจะเอาชนะแล้วประสบผลสำเร็จได้ใช่ไหม (ใช่) บำเพ็ญธรรมะอย่าเบื่อง่ายๆ อย่าเกียจคร้านง่ายๆ ต้องอดทนให้ได้ต่อสู้ให้ได้ ศิษย์พี่ไม่รู้จะบอกศิษย์น้องอย่างไร หากศิษย์พี่ยกตัวอย่างให้ตัวอย่างหนึ่ง หากมีกระจกกั้นบานหน้าต่างอยู่ครึ่งบานศิษย์น้องเปรียบเหมือนคนที่กำลังจะปืนขึ้นไปให้ถึงปลายกระจกเพื่อกลับคืนสู่เบื้องบน แต่ศิษย์น้องสายตามองไม่ได้ไกลมองเห็นแค่เพียงว่ากระจกนี้สูงจนไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งปีนก็รู้สึกว่าไม่ไหวแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพุทธะมองเห็นปลายสิ้นสุดของกระจกนั้น ถึงแม้จะพยายามผลักดัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะให้ศิษย์น้องได้เห็นปลายสิ้นสุดของกระจกนั้น ว่าปลายสิ้นสุดของกระจกนั้นยังอยู่ไม่ไกลหากพยายามปีนต่อไป แม้จะลื่นแม้จะยากมองเห็น แต่ถ้าพยายามไปเรื่อยๆ ปลายสิ้นสุดนั้นก็คือแดนนิพพาน ปลายแห่งความขมทุกข์ยากที่สุดนั้นก็คือความสำเร็จ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรหรือเอื้อนเอ่ยหรือใช้แนวทางใด เพราะว่าอับจนใจเหลือเกิน เหมือนกับศิษย์น้องต้องการให้เด็กยืนขึ้นให้ได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เขายืนขึ้นได้ เขาก็รู้ผลแห่งการยืนนั้นสะดวกสบายยิ่งกว่าการคลานใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์พี่พระอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ก็เหมือนกัน ถ้าศิษย์น้องฝ่าฟันความลำบากนี้บำเพ็ญจนกระทั่งหยัดยืนได้ก็จะรู้ว่าการหยัดยืนได้นั้นมีความสุขยิ่งกว่าการคลานอยู่บนโลกอีกเข้าใจไหม (เข้าใจ)
น้ำตาที่ล้างความทุกข์ความเจ็บปวดออกไปให้หมดสิ้น  และเราพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ เริ่มต้นใหม่ให้ใสสะอาดเหมือนเดิมดีหรือไม่  อย่าเพิ่งหลับใหลต่อนะ  เมื่ออยู่ร่วมกันความสามัคคีต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง  แม้การกระทำนั้นเราจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งด้วยความเต็มใจ  แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ ก็ขอให้พินิจพิจารณาให้ดี  อยู่ร่วมกันวาจาที่ร้ายอย่าออกมาดีหรือไม่  เป็นพุทธะ เป็นผู้บำเพ็ญธรรม ไม่ใช่เป็นแค่เพียงสมบูรณ์เพียงภายนอก  แต่วาจานั้นกลับยังไม่สามารถทำได้ดี  อย่าเป็นเพียงผู้ที่ฉาบสีขาวทับสีดำ  แต่ต้องเป็นผู้ที่มีสีขาวตั้งแต่เดิม  ไม่มีสีดำแฝงอยู่ภายในเข้าใจไหม (เข้าใจ)  ฉะนั้นจะต้องขัดเกลาให้ได้  วาจานั้นพูดแต่น้อยๆ ดีหรือไม่  แต่เมื่อเห็นคนอื่นจะต้องผิดพลาดไป วาจานั้นต้องเร่งรีบพูดให้กำลังใจเขา ปลุกประโลมปลอบใจเขา  มือนั้นเรามีเพียง ๒ มือ  แต่หลักธรรมนั้นมีหลายมือหลายกรยิ่งนัก  หากเราใช้มือไปช่วยอาจจะช่วยได้ไม่หมด  มีแต่นำหลักธรรมนั้นไปช่วย จึงจะช่วยเขาได้ทันท่วงทีและทันทุกคนเข้าใจไหม (เข้าใจ)
ตอนนี้ลองสำรวจตนเองดูสิว่าเป็นผู้ที่บำเพ็ญธรรมก้าวหน้า หรือว่าถดถอยกว่าเดิม  หากทุกวันสำรวจตัวเองก็จะรู้ว่าตัวเองนั้นมีความก้าวหน้าหรือมีการถดถอย  จิตใจตัวเราเองนั้นหากว่าดีแล้วก็ขอให้รักษาความดี  หากยังมีข้อเสียอยู่ก็ให้รีบลบล้างทิ้ง อย่าขาวเพราะว่าทาสีดำทับไป  แต่ต้องเป็นคนที่ขาวเพราะไม่มีสีดำปกปิดไว้ ใช่ไหม (ใช่)
จวบจนสิ้นลมหายใจศิษย์น้องก็ยังคงบำเพ็ญต่อไป  จวบจนสิ้นลมหายใจศิษย์น้องก็ไม่คิดที่จะกล้ำกรายสิ่งเลวร้าย สิ่งที่ไม่ดี ดีไหม (ดี) ผู้ที่มีหน้าที่ขอให้พึงตรวจสอบตัวเองดูว่า ตัวเองได้ทำเหมาะสมกับหน้าที่ ที่ตัวเองได้รับไหม  ผู้ที่ยังไม่มีหน้าที่ก็อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจว่า ตัวเองนั้นไม่เหมาะสมหรือไร  แต่ให้พินิจพิจารณาดูว่า ตัวเองได้ทำตนเหมาะสมที่จะมีตำแหน่งให้รองรับหรือไม่ ดีหรือไม่ (ดี)  เมื่ออยู่ร่วมกันก็ต้องมีผู้น้อย มีผู้ใหญ่  สัมมาคารวะยังต้องมีให้แก่กัน  ความจริงใจก็ยังต้องมีให้แก่กัน  ความเกรงอกเกรงใจก็ยังต้องมีให้แก่กัน  อย่าเห็นว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรม  อย่าเห็นว่าเป็นผู้ที่สนิทกันแล้วจึงมองข้ามความเกรงอกเกรงใจกัน  นึกจะว่าเขาก็ว่าโดยที่ไม่ได้ดูเขา อย่างนี้ก็เป็นการทำร้ายเขา แทนที่จะให้กำลังใจเขาใช่ไหม (ใช่)  บางคนเราต้องการตักเตือนเขาเพื่อให้เขาพบสิ่งที่ดีกว่า แต่บางครั้งเราก็ต้องดูเหตุการณ์ด้วย ว่าเขาพร้อมไหม ที่จะรับฟังตอนนี้ เขาไปเจอสิ่งใดมาหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตักเตือนอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ตอกย้ำ ทำให้เขายิ่งตกต่ำลงไปได้ใช่ไหม (ใช่) การแก้ตัวว่า ตัวเองนั้นเป็นผู้ถูก ตัวเองเป็นผู้ไม่ผิดก็ขอให้พึงสำนึกว่า หากเรายิ่งแก้เหมือนยิ่งรัดตนเอง ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปบ้าง ถ้าเราเป็นคนดีจริง ฐานของการรองรับ ความดีนั้นก็ต้องหนักแน่นมั่นคง ถึงแม้จะโดนคำพูดว่ากล่าวให้ผิดไปบ้าง ฐานนั้นก็ยากที่จะเลือนหายไปได้ใช่ไหม (ใช่) แต่ถ้าศิษย์น้องยังไม่ดีจริง การโดนเขาว่าโดนเขากล่าวหา เราต้องยิ่งสำนึกในตัวเองว่าฐานในความดีของเราไม่มั่นคง ต้องไปปูให้มั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ใช่มานั่งแก้คำกล่าวหา คำว่าร้ายใช่ไหม (ใช่) แก้ที่ต้นไม่ใช่แก้ที่ปลายใช่หรือเปล่า (ใช่) กำลังใจที่ศิษย์พี่อยากให้มีมากมาย แต่ไม่รู้ว่าศิษย์น้องจะได้รับกันไปมากมายอย่างที่ศิษย์พี่หวังหรือเปล่า ถ้าเมื่อไรท้อแท้จำเนื้อเพลงไม่ได้ ก็ขอให้จำคำพูดนี้ไว้ว่า “สู้ต่อไป”
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมกันแต่งชื่อเพลง)
จำให้ได้นะว่าตนเองให้ชื่อเพลงกับศิษย์พี่ว่าอย่างไร  ทำไมศิษย์พี่จึงให้ตั้งชื่อเพลงกันรู้ไหม  เพราะอยากจะให้รู้ว่านับจากนี้ไปศิษย์น้องจะมีปฏิปทาที่จะบำเพ็ญอย่างไร เพราะเมื่อศึกษาไปแล้วตัวเองต้องมีปฏิปทามุ่งมั่นว่าจะบำเพ็ญอย่างไรต่อไป แล้วจะนำสิ่งใดไปเป็นแรง เป็นกำลังใจตลอดหนทางนับจากวันนี้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นชื่อเพลงที่ออกมาจากความคิด ออกมาจากพุทธจิตของศิษย์น้องก็ขอให้จำไว้ให้ดี  นั่นจะเป็นแรงที่จะช่วยผลักดันให้ศิษย์น้องไปให้ถึงแดนนิพพาน  แม้จะคิดชื่อไม่ออก  ก็ขอให้สิ่งที่ไม่มีอะไรเลยนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดัน  อันความว่างเปล่า สดใสนี้กลับคืนขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน  ความว่างเปล่าเป็นสิ่งมีค่าของความว่างเปล่า ความมีเป็นสิ่งมีค่าของความมี แต่จะมีหรือว่างนั้น ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คู่กัน  เมื่อมีแล้วก็ต้องรู้จักว่าง  เมื่อว่างแล้วก็ต้องพร้อมที่จะมีได้เข้าใจไหม (เข้าใจ) เหมือนเคยว่าตัวเองนั้นว่างมาก่อน  ฉะนั้นเมื่อทุกข์เข้ามาก็พร้อมที่จะรับและพร้อมที่จะสู้ได้ เมื่อมีความสุขเข้ามา  เมื่อถึงคราวที่จะไม่มีสุข ก็พร้อมที่จะไม่มีได้
งานนี้สำเร็จได้ ลุล่วงได้ก็เพราะศิษย์น้องร่วมมือกัน แต่จบงานแล้วขอให้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันเก็บให้เรียบร้อย ดีหรือไม่ (ดี)  ไม่ใช่กองไว้ให้เขาทำต่อ  อย่างนี้ไม่ใช่น้องของศิษย์พี่ ใช่ไหม  ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของศิษย์น้อง ฉะนั้นบ้านของเราสะอาดอย่างไร บ้านนี้ก็ต้องสะอาดอย่างนั้น

(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานชื่อเพลง “มีความอดทน”)
ขอให้พิมพ์ชื่อเพลงที่ศิษย์น้องร่วมกันแต่งเอาไว้ข้างๆ เพราะถือว่าเป็นการร่วมกันระหว่างพี่น้อง พี่น้องนั้นไม่ควรมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ  ไม่มีการแบ่งว่านี่คือพุทธะ นี่คือเวไนย แต่พี่น้องก็คือพี่กับน้อง ลาจากกันด้วยรอยยิ้มนะ  อดทนให้ได้ไม่ว่าวาจา ไม่ว่าการกระทำของใคร  อดทนในสิ่งที่คนอื่นเขาอดทนไม่ได้  นั่นคือศิษย์น้องของศิษย์พี่  จำคำนี้ไว้ให้ดี




พระโอวาทซ้อนพระโอวาท     ปลูกบัวกลางไฟ
                         ในยามนี้โลกดังไฟใจร้อนตาม ภัยคุกคามทั้งนอกในไม่เหลือขวัญ
แต่จงปลูกบัวเสียกลางไฟเดียวกัน                  คือศวัสกาลจิตเลื่อนสูงจากภายใน
ธรรมะจริงทดสอบจริงคัดคนจริง                     ฟ้าไม่ทิ้งคนมีรากบุญยิ่งใหญ่

อย่าหมายเพียงสมหวังหรือไม่อย่างไร            ทองสุกใสผ่านหล่อหลอมจึงงดงาม

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2540

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา