วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มีนาคม
พุทธศักราช ๒๕๓๗ พุทธสถาน สิงเต๋อ จ.พะเยา
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
พยชน์๑โบกเวไนยได้ขึ้นฝั่ง ด้วยพระธรรมเสริมนำจิตชนทั้งหลาย
มั่นคงสตินฤมิต๒พระสถิตกาย ทุกชีวาในโลกสันตินา
เราคือ
พระอรหันต์จี้กงวิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาลงสู่พุทธสถาน แล้วเคียมคัล
องค์มารดาถามศิษย์รักทุกคนเกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮา
ฮา
อันวาระดิถีอันยิ่งใหญ่ เสริมจิตใจภาวนาพุทธธรรมหนา
เสริมชีวิตสัมปชัญญะด้วยปัญญา อวิชชาตัดทิ้งสิ้นมลาย
พุทธจิตเดิมแท้สงบนิ่ง อย่าประวิงกิเลสใดมาขวางกั้น
อย่าได้หลุดจากวิถีอนุตตรธรรม อย่าได้นำจิตลงต่ำน่าเศร้าใจ
ศิษย์รักเอ๋ยหมั่นเพียรพยายาม กิริยาวาจางามทุกยามหนา
อย่าให้เราพร่ำสอนแต่ไร้ค่า อย่าให้พระมารดาน้ำตาริน
หยดน้ำค้างยามอรุณช่างงามงด คติพจน์คนโบราณงามเหลือหลาย
นำคติมาสอนกลางฤทัย กิเลสไหม้ความอยากสูญสิ้นไป
เมื่อได้ชื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ มิอาจหยุดรั้งกรรมใดใดได้
มิอาจหยุดผลบังเกิดระทมใจ มิอาจให้เป็นดั่งหวังชั่วกาลนาน
เหตุต้องหยุดหยุดแล้วมิสร้างผิด เตือนสติทูตเบื้องบนทุกคนหนา
เตือนเวไนยให้เขาชาคร๓มา อย่าให้ตาที่เปิดแล้วต้องปิดลง
ผู้ปฏิบัติงานธรรมต้องแข็งแกร่ง เสริมเรี่ยวแรงศึกษาธรรมให้ลึกซึ้ง
อย่ากังขาให้มากกลางตนพึ่ง รวมจิตหนึ่งรู้แยบยลสัจธรรม
ประชุมธรรมหนึ่งวันเลิศล้ำค่า ขอทุกท่านจงรักษาจิตเถิดหนา
อย่าได้ให้เวลาผ่านไร้ราคา อย่าได้ให้นิวรณ์๔มาบดบังใจ
ในวันนี้อาจารย์มิกล่าวให้มากไป ขอศิษย์รู้รักษาไว้มัชฌิมาปฏิปทา
กราบลา
พระอนุตตรธรรมมารดาแล้วจากลาศิษย์รักด้วยอาลัย
ฮา ฮา ถอย
_____________________________________________
๑
พยชน์ : พัด
๒
นฤมิต : สร้าง , แปลง , ทำ
๓
ชาคร : ความเพียร , ความตื่นอยู่
๔
นิวรณ์ :
สิ่งห้ามกั้นจิตไว้มิให้บรรลุความดี มี ๕ ประการคือ
๑. ความพอใจรักใคร่ ๒. ความพยาบาท
๓. ความง่วงเหงาหาวนอน ๔. ความฟุ้งซ่านรำคาญ
๕. ความลังเลใจ
วันอาทิตย์ที่
๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
ลมกรรโชกต้นไผ่ในไพรสณฑ์๕ เกิดอัคคีท่วมท้นป่าเผาไหม้
ฆนวารี๖ฉ่ำชื่นมาแต่ไกลค่อยดับไปดวงเพลิงที่ทำลาย
เราคือ
เสี่ยว
ตง ตงรับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถานสิงเต๋อ แฝงกายกตัญชลี
องค์มารดาแล้วถามทุกทุกท่านเกษมสำราญหรือไม่
ปัจจุบันในโลกวน ยิ่งเจริญยิ่งก้าวไกล แต่คุณธรรมในฤทัย เพราะเหตุใดลดลง ต่างไม่ยอมแก้ไขตน เฝ้าคอยไปแก้ไขคน ต่างก็คิดตนต่างดีทุกคน
คนนั้นดีที่จิตใจฤๅทรัพย์กัน มองโลกทุกวัน
ทุกครั้งต้องแปรเปลี่ยน
เหลือแค่เพียงสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน
นั่นคือมวลธรรมสัจจานั้น
แต่ละคนย่อมรู้ดี สัจธรรมมีทั่วไป แต่มีน้อยที่เข้าใจถึงแก่น
กี่คนซึ้งธรรมสัจจาถึงแก่น
กี่คนซึ้งธรรมสัจจาถึงแก่น
เพลง
: สัจธรรมไม่เปลี่ยน
ทำนองเพลง
: คนค้นคน
__________________________________
๕
ไพรสณฑ์ : แนวป่า
๖
ฆนวารี : น้ำฝน
พระโอวาทท่านเสี่ยว ตง ตงเมตตา
สมมติว่าพวกเรากำลังวิ่งอยู่
แล้วมีคนอีกมากมายวิ่งไปกับเราในทางแคบ ๆ
มีทั้งคนวิ่งนำหน้าและวิ่งตามหลังเรา
แล้วอยู่ดี ๆ เราก็หยุดวิ่ง จะเกิดอะไรขึ้น
มีใครคิดบ้างว่าคนข้างหลังจะหยุดเพราะกลัวมาชนเรา (อาจารย์บรรยายธรรม :
คนที่วิ่งไปข้างหน้า
เราเห็นเขาวิ่งไปแล้วเราก็วิ่งตามและถ้าเขาวิ่งแล้วหยุดคนข้างหลังนอกจากจะกลัวสะดุดโดนเราและทำให้เขาหกล้ม เราก็เป็นตัวอย่างที่ว่าเราวิ่ง ๆ
แล้วหยุด ก็ทำให้เขาสะดุดยืนดูเราว่าทำไมเราไม่วิ่งต่อไป สงสัยที่เส้นชัยจะไม่มีอะไร
หรือวิ่งคงไม่มีประโยชน์
เราหยุดเขาก็หยุด
ในทางธรรมก็เหมือนกัน คนที่บำเพ็ญธรรมนอกจากว่าเราต้องเดินหน้าไม่ควรหยุดยั้งเพราะว่านอกจากไม่ได้อะไร
ไม่สำเร็จธรรมแล้ว
เรายังเป็นตัวกั้นถ่วงให้คนที่อยู่รุ่นหลังไม่เจริญก้าวหน้าและเสียโอกาสที่จะบำเพ็ญธรรม)
คนที่บำเพ็ญธรรมก็เหมือนกันคือ แทนที่เราจะบำเพ็ญเพื่อตนเองเพียงคนเดียว
พอเกิดมาชาติหน้าก็ต้องมาบำเพ็ญการให้ทานอีกอย่าง
เช่นพระพุทธองค์ที่ท่านบำเพ็ญในพระชาติสุดท้ายของท่าน แต่ตอนนี้ทุกท่านได้รับธรรมะแล้วเราก็บำเพ็ญภายในก็คือบำเพ็ญจิตของเราเอง
ขณะเดียวกันเราก็บำเพ็ญภายนอกก็คือช่วยผู้อื่นไปด้วย อย่างนี้ก็ถือเป็นทางลัด
เดี๋ยวนี้โลกที่หมุนไปเรื่อย
ๆ เจริญขึ้นมาก มีไฟฟ้า
มีน้ำใช้โดยไม่ต้องขุดบ่อในบ้าน
ตอนนี้คุณธรรมในจิตใจของทุกคนยังดีเหมือนคนเมื่อก่อนหรือเปล่า
(ไม่เหมือนกัน จิตใจคนตกต่ำลง) ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ทำไมวัตถุเจริญแล้วจิตใจของเราไม่เจริญขึ้น หรือวัตถุเก่งกว่าเรากันแน่ เป็นเพราะอะไร
(เพราะจิตใจของเราไม่ดี) ทำไมจิตใจของเราไม่ดี
เพราะเดี๋ยวนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
คนเราก็เลยไปหลงสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้เริ่มขี้เกียจ จากแต่ก่อนเคยมีน้ำใจให้กัน เมื่อก่อนยังไม่มีเงินเราปลูกข้าว
ก็นำข้าวไปแลกถั่วกับเพื่อนบ้าน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว
เพราะแต่ละคนก็แข่งกันว่าใครจะรวยกว่ากัน
ทำไมจึงต้องแข่งกันด้วย
ที่จริงแล้วเงินทองช่วยเราได้ไหม
หรือว่าคนที่มีเงินทองเป็นคนดีใช่หรือเปล่า คนเดี๋ยวนี้มีจิตใจที่คล้าย ๆ กันเกือบหมดทุกคน
คือมักจะคิดว่า
๑. ทำไมคนอื่นถึงดีกว่าเราในด้านฐานะ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองบางครั้งก็มีเยอะอยู่แล้ว หรือที่จริงอาจมีไม่เยอะเท่าไร แต่ว่าก็ดำรงชีวิตได้เรื่อย ๆ
๒. เราดีกว่าคนอื่นในด้านที่ทำอะไรก็ถูกไปหมด
สมมติว่าที่จริงแล้วเราไม่ถูกเราผิดใจกับคนอื่น แต่เรากลับคิดว่าคนนั้นเขาไม่ดี เขาต้องมาขอโทษเรา แต่เขาไม่ยอมมาขอโทษเรา
ถ้าทุกฝ่ายต่างก็คิดอย่างนี้ทุกคนก็จะต้องโกรธกัน
เป็นอย่างนี้หรือเปล่า
บางคนอาจไม่มีจิตใจเช่นนี้ก็ได้ เพราะว่าได้บำเพ็ญมาบ้างแล้ว
แต่ถ้าจะให้ดีจากข้อที่เราคิดว่าคนอื่นดีกว่าเราในด้านฐานะ
ก็ให้เรารู้จักประมาณตนคือเรามีเท่านี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่น อย่างนี้ก็จะมีความสุข
ทุกคนในที่นี้อาจจะคิดว่าที่จริงแล้วการเข้าใจธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย
และการปฏิบัติบางครั้งก็อาจจะไม่ง่าย
แต่ที่จริงแล้วเราจะบอกวิธีง่าย ๆ ให้คือ
พอเราตื่นเช้าขึ้นมาให้เราบอกกับตนเองว่า
วันนี้เราจะไม่พูดคำไม่ดี
จะไม่ปล่อยให้คำที่ไม่ดีออกจากปากของเราเลย
ฟังเราพูดแล้วอาจจะดูเหมือนง่ายแต่ถ้าไม่ตั้งใจอาจจะทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจทำก็ได้
ถ้าเริ่มจากภายนอกก่อนคือเราไม่ยอมทำเรื่องไม่ดี
แม้บางครั้งเราอาจจะโกรธคนอื่น
แต่เมื่อเราไม่ได้พูดพอนาน ๆ ไปจิตใจของเราก็ละความโกรธไปได้ มิใช่ให้เริ่มทำเฉพาะคนที่มีอายุมาก ๆ
เท่านั้น
คนที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็ต้องทำเหมือนกัน
ถ้าไม่เริ่มทำก็จะเสียใจ เราอยากขอให้ทุกคนคิดว่าเราทำได้ดีแค่ไหนก็ทำแค่นั้น
ทุกคนไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อตัวเอง เพื่อจิตญาณของตนเอง
เพลงที่ให้ไป
กลับไปแล้วก็นำไปศึกษาให้ดี ๆ
มีโอกาสพบกันใหม่ ลาก่อน